เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [1. จิตตุปปาทกัณฑ์] กุศลบท รูปาวจรกุศลจิต อารมณ์ 2
จตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทา-
ทันธาภิญญา ฯลฯ เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ฯลฯ เป็นสุขาปฏิปทา-
ทันธาภิญญา ฯลฯ เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ
ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
ปฏิปทา 4 จบ

อารมณ์ 2
[211] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัด
จากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ซึ่งมีกำลังน้อย และมีอารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด
ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[212] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัด
จากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ซึ่งมีกำลังมากแต่มีอารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด
ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[213] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น เพราะ
วิตกวิจารสงบระงับไปแล้ว ฯลฯ บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุ
จตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน ซึ่งมีกำลังน้อย และมี
อารมณ์เล็กน้อย ฯลฯ ซึ่งมีกำลังมากแต่มีอารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
อารมณ์ 2 จบ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :71 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [1. จิตตุปปาทกัณฑ์] กุศลบท รูปาวจรกุศลจิต จำแนกฌานเป็นอย่างละ 8
จำแนกฌานเป็นอย่างละ 8
[214] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ซึ่งมีกำลังน้อยและมี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[215] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ซึ่งมีกำลังมากแต่มี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[216] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ซึ่งมีกำลังน้อยและมี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล
[217] สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคเพื่อเข้าถึงรูปภพ ไม่ได้ทำบริกรรมสัญญาที่รูป
ภายใน เห็นรูปภายนอกเพียงเล็กน้อย ข่มรูปนั้นด้วยคิดว่า เรารู้ เราเห็น สงัดจาก
กาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ซึ่งมีกำลังมากแต่มี
อารมณ์เล็กน้อย อยู่ในสมัยใด ในสมัยนั้น ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ ก็เกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกุศล


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 34 หน้า :72 }